หุ้นตัวไหน..ใช้ทรัพย์สินสร้างกำไรได้สูงสุด เช็กด้วยตัวเลข ROA
การวิเคราะห์ ROA (Return on Assets) จะเป็นตัวช่วยวัดว่าบริษัทใช้ทรัพย์สินที่มีอยู่สร้างกำไรได้คุ้มค่าแค่ไหน บทความนี้จะพาไปดู ความหมายรวมถึง ความสำคัญและวิธีการคำนวณ ROA
- ROA คืออะไร
- วิธีคำนวณหา ROA
- วิธีการดู ROA บนโปรแกรมเทรดหุ้น Finansia HERO
ROA (Return on Assets) คืออัตราส่วนทางการเงินที่ใช้วัดความสามารถของบริษัทในการสร้างกำไรจากสินทรัพย์ทั้งหมดที่มีอยู่ โดยการคำนวณ ROA จะช่วยให้เห็นภาพรวมของการใช้ทรัพยากรในบริษัทอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินความสามารถในการบริหารสินทรัพย์
ความสำคัญของ ROA
ROA เป็นเครื่องมือที่ช่วยนักลงทุนในการประเมินความสามารถของบริษัทในการใช้ทรัพย์สินที่มีเพื่อสร้างผลกำไร หากบริษัทมี ROA สูงแสดงว่าบริษัทสามารถใช้สินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพในการทำกำไร ในทางตรงข้าม หาก ROA ต่ำอาจบ่งชี้ถึงการใช้ทรัพย์สินที่ไม่คุ้มค่า หรือการบริหารที่มีประสิทธิภาพต่ำ
วิธีคำนวณหา ROA
ROA สามารถคำนวณได้จากสูตร:
กำไรสุทธิ (Net Income) คือกำไรที่บริษัทได้หลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด
สินทรัพย์รวม (Total Assets) คือมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดที่บริษัทมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์หมุนเวียน (เช่น เงินสด, ลูกหนี้) หรือสินทรัพย์ถาวร (เช่น อสังหาริมทรัพย์, เครื่องจักร)
ยกตัวอย่าง
สมมุติว่าบริษัท A มีกำไรสุทธิ 10 ล้านบาท และสินทรัพย์รวม 100 ล้านบาท การคำนวณ ROA ของบริษัท A จะเป็น:
ROA = ( 10,000,000 / 100,000,000 ) x 100 = 10%
หมายความว่า บริษัท A สามารถทำกำไรได้ 10% จากสินทรัพย์ทั้งหมดที่มีอยู่
เรามาสามารถดูค่า ROA ได้ใน Application Finansia HERO บนมือถือ
โดยเข้าไปที่ เมนูหลักด้านล่าง >> Market เลือกเมนูย่อยด้านบน >> Quote
ในหน้า Quote เลือกแถบ Company Info จะเห็นคำว่า ROA
จากรูป : จะเห็นได้ว่า หุ้น DELTA มี ROA อยู่ที่ 19.76% เป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง หมายความว่า DELTA ใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่สร้างกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจัยที่มีผลต่อ ROA
การจัดการสินทรัพย์ : การใช้สินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การบริหารสินค้าคงคลัง และการควบคุมสินทรัพย์ถาวร
โครงสร้างรายได้และต้นทุน : บริษัทที่สามารถควบคุมต้นทุนได้ดีจะมี ROA สูงกว่า
การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร : การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร เช่น โรงงาน หรือเครื่องจักร อาจส่งผลต่อ ROA ในระยะสั้นและระยะยาว
ข้อจำกัดของ ROA
ไม่เหมาะกับการเปรียบเทียบต่างอุตสาหกรรม : แต่ละอุตสาหกรรมมีลักษณะการใช้สินทรัพย์ที่แตกต่างกัน ROA ในอุตสาหกรรมการผลิตจะไม่เหมือนกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
ผลกระทบจากการตีมูลค่าสินทรัพย์ : หากบริษัทมีสินทรัพย์ที่มูลค่าลดลงหรือเพิ่มขึ้นอย่างมาก อาจทำให้ ROA ไม่สะท้อนภาพจริงของกำไร
การใช้หนี้ : บริษัทที่ใช้หนี้มาก อาจมีสินทรัพย์รวมสูงขึ้น แต่ ROA ต่ำ หากไม่สามารถสร้างกำไรได้เพียงพอ
แม้ว่า ROA จะเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญ แต่การตัดสินใจลงทุนไม่ควรพิจารณาจากตัวเลขเพียงอย่างเดียว ควรดูปัจจัยอื่นๆ เช่น การเติบโตของรายได้ หนี้สิน และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจร่วมด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่เสี่ยงเกินไป
– สนใจเปิดบัญชีพร้อมใช้ฟีเจอร์ Pay out Ratio ได้ฟรีคลิก https://bit.ly/TRAINER01